| HOME | หลักสูตร | ตารางเรียน | รวมความรู้ | Contactus | รวมลิงค์ | ข่าวเด่น | คลิปวีดีโอ | ท่องเที่ยว
| HOME | หลักสูตร | ตารางเรียน | หนังสือเรียน | รวมความรู้ | Contactus | รวมลิงค์ | webboard     
เว็บบอร์ด ตั้งกระทู้ใหม่ ตอบกระทู้
  • แจ้งปัญหาการใช้งาน
  •     หัวข้อ: ความลับศาสตร์ หยินหยาง (阴阳)
    ผู้เขียน:
    hutji
    กระทู้: 9
    รายละเอียดกระทู้:

    หยินและหยาง

    Posted by Aekarat on Aug 2, '07 7:02 AM for everyone
    ที่มา http://aekarat.multiply.com/journal/item/14/14

    ในทัศนะของชาวจีน มีน้อยเกินไป ดีกว่า มีมากเกินไป ไม่ได้ทำ ดีกว่า ทำมากเกินไป เพราะแม้ว่าถึงเราจะไม่ก้าวหน้าไปไกลแต่ก็แน่ใจได้ว่าเราจะไปถูกทาง เปรียบกับชายผู้ปรารถนาจะไปให้ไกลสุดทางตะวันออก ท้ายที่สุดจะกลับไปทางตะวันตก หรือผู้ปรารถนาจะสะสมเงินมาก ๆ เพื่อให้ตนเองร่ำรวย ท้ายสุดจะต้องกลับมาเป็นคนจน การที่สังคมอุตสาหกรรมสมัยใหม่กำลังพยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่ม มาตรฐานการครองชีพจึงทำให้คุณภาพของชีวิตของสมาชิกในสังคมนั้น ๆ ลดลง นับเป็นภาพที่แสดงปัญญาของจีนโบราณดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

    ความคิดในเรื่องแบบแผนแห่งการหมุนวนของเต๋า ได้ถูกกำหนดเป็นโครงสร้างที่แน่นอนโดยการเสนอว่ามีขั้วตรงกันข้ามสองอันคือ หยิน กับ หยัง เป็นขั้วซึ่งกำหนดขอบเขตของวงเวียนแห่งการเปลี่ยนแปลง

    เมื่อหยังถึงจุดสูงสุดก็ต้องถอยให้กับหยิน

    เมื่อหยินถึงจุดสูงสุดก็ต้องถอยให้กับหยัง

    ในทัศนะแบบจีน สิ่งปรากฏแสดงทั้งมวลของเต๋ามาจากการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของแรงแห่งขั้วทั้งสอง ความคิดนี้เป็นความคิดที่เก่ามาก และชนหลายรุ่นได้ถือเอาสัญลักษณ์แห่งหยิน หยังจนกระทั่งมันกลายเป็นความคิดพื้นฐานของจีน ความหมายเดิมของคำว่าหยินและหยัง คือส่วนที่เป็นเงาและส่วนที่ต้องแสงแดดของภูเขา ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ของความคิดทั้งสองได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ปรากฏเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างเรียกว่า เต๋า

    นับแต่ยุคแรกสุด ขั้วทั้งสองของธรรมชาติไม่เพียงแต่แทนความสว่างและความมืดเท่านั้น แต่ยังแทนด้วยความเป็นชายและความเป็นหญิง แข็งและอ่อนข้างบนและข้างล่าง  หยังส่วนที่เป็นความเข้มแข็ง ความเป็นชาย พลังสร้างสรรค์นั่นคือฟ้า ในขณะที่หยินส่วนที่เป็นความมืด ความอ่อนโยน ความเป็นหญิงและความเป็นแม่นั่นคือดิน ฟ้าอยู่เบื้องบนและเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหว ดิน ในทัศนะเดิม อยู่เบื้องล่างและสงบนิ่ง ดังนั้นหยังแทนความเคลื่อนไหวและหยินแทนการสงบนิ่งในเรื่องของความคิดหยินคือจิตใจที่ซับซ้อนแบบหญิงเป็นไปในทางญาณปัญญา  หยังคือจิตใจที่ชัดเจนมีเหตุมีผลอย่างชาย หยินคือความเงียบนิ่งอย่างสงบของปราชญ์ หยังคือการกระทำที่สร้างสรรค์อย่างมีพลังของจักรพรรดิ

    ลักษณะการเคลื่อนไหวของหยินและหยัง ถูกแสดงด้วยสัญลักษณ์ของจีนโบราณที่เรียกว่า ไท้ จิ ถู หรือ แผนผังแสดงสัจธรรมสูงสุดแผนผังนี้แสดงสมมาตรระหว่างส่วนที่มืดคือหยินกับส่วนที่สว่างคือหยัง ทว่ามิใช่สมมาตรที่อยู่นิ่ง แต่เป็นสมมาตรแห่งการหมุนวนอันเปี่ยมไปด้วยพลัง 


    เมื่อหยังหมุนกลับสู่จุดเริ่มต้น หยินก็เป็นใหญ่ แล้วก็หมุนไปสู่หยังอีก

    จุดสองจุดในแผงผังแทนความคิดที่ว่า  เมื่อใดที่แรงหนึ่งแรงใดถึงจุดสูงสุดในตัวมันขณะนั้นก็มีพืชพันธ์ของสิ่งตรงข้ามอยู่ด้วยแล้ว

    คู่ของหยินและหยังเป็นเสมือนอุปรากรที่เปิดแสดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทรกซึมอยู่ในวัฒนธรรมของจีน และเป็นสิ่งกำหนดลักษณะทั้งมวลของวิถีตามแบบจีน จางจื้อกล่าวว่า ชีวิตคือการผสมผสานอย่างกลมกลืนของหยินและหยังเนื่องจากเป็นประเทศเกษตรกรรมชาวจีนจึงคุ้นเคยกับการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ และการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและปรากฎการณ์แห่งการเจริญเติบโตและการเสื่อมสลายของธรรมชาติฝ่ายอินทรียวัตถุจึงถือได้ว่าเป็นการแสดงที่ชัดเจนของการขับเคี่ยวระหว่างหยินกับหยัง ระหว่างฤดูหนาวที่มืดและเยือกเย็นกับฤดูร้อนที่สว่างและร้อนแรง การขับเคี่ยวในฤดูกาลของขั้วต่างทั้งสอง สะท้อนออกมาในอาหารที่รับประทานซึ่งจะมีทั้งหยินและหยางในทัศนะของชาวจีนแล้ว อาหารที่มีคุณค่าต้องประกอบด้วยหยินและหยางในสัดส่วนที่สมดุลกัน 

                การประทะกันของหยินและหยาง

    การแพทย์แผนโบราณของจีนก็เช่นกัน ตั้งอยู่บนรากฐานแห่งความสมดุลระหว่างหยินและหยังในร่างกายของมนุษย์ ความเจ็บไข้ใด ๆ เกิดจากสมดุลนี้เสียไป ร่างกายถูกแบ่งเป็นส่วนหยินและหยาง กล่าวรวม ๆ ว่าภายในร่างกายคือหยาง ผิวนอกร่างกายคือหยิน ด้านหลังคือหยัง ด้านหน้าคือหยิน อวัยวะต่าง ๆ ก็มีทั้งที่เป็นหยินและหยาง ความสมดุลระหว่างส่วนต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ถูกหล่อเลี้ยงอยู่ด้วยการเลื่อนไหลของ ฉี้ หรือพลังงานแห่งชีวิต

    การขับเคี่ยวระหว่างหยินและหยังอันเป็นคู่ตรงข้ามจึงเป็นเสมือนกฎเกณฑ์แห่งการเคลื่อนไหวของเต๋า แต่ชาวจีนมิได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น พวกเขาได้ทำการศึกษาต่อไปถึงความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายรูปแบบของหยินและหยาง ซึ่งได้พัฒนาขึ้นเป็นระบบของแบบแผนแห่งเอกภาพ ปรากฏอย่างละเอียดลอออยู่ในคัมภีร์ อี้จิง คัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลง

    คัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นคัมภีร์เล่มแรกในบรรดาคัมภีร์สุดยอดทั้งหกของขงจื้อ และต้องถือว่าเป็นงานที่เป็นหัวใจของความคิดและวัฒนธรรมของจีนความนิยมและความยอมรับนับถือของชาวจีนต่อคัมภีร์เหล่านี้ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา เทียบได้กับความนิยมและยอมรับในหลาย ๆ คัมภีร์ เช่น คัมภีร์พระเวทและคัมภีร์ไบเบิ้ล ในวัฒนธรรมอื่น  ริชาร์ด วิลเฮล์ม  ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีนได้เขียนคำนำในการแปลคัมภีร์เล่มนี้ไว้ว่า

    อี้จิ้ง:คัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลงของจีนเล่มนี้ นับเป็นหนังสือที่สำคัญที่สุดเล่มหนึ่ง ในโลกของ วรรณกรรมอย่างไม่ต้องสงสัย ต้นกำเนิดของคัมภีร์นับย้อนไปสู่สมัยโบราณซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราว

    ของเทพ  คัมภีร์เล่มนี้ได้ดึงดูดความสนใจของนักปราชญ์ที่สำคัญของจีนตราบจนถึงปัจจุบัน ตลอดระยะเวลาสามพันกว่าปีแห่งประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของจีน ส่วนที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดนั้นได้รับแรงบัลดาลใจจากคัมภีร์เล่มนี้ ดังนั้นจึงเป็นการปลอดภัยที่จะกล่าวว่า ปัญญาอันช่ำชองซึ่งผ่านกาลเวลานับด้วยพันปีได้เป็นส่วนประกอบในคัมภีร์อี้จิ้ง 

                เส้นตรงหกเส้น

    คัมภีร์แห่งการเจริญเติบโตมาเป็นเวลาหลายพันปี ประกอบด้วยหลายชั้นหลายเชิงซึ่งแตกกิ่งก้านมาจากยุคสมัยสำคัญที่สุดของความคิดจีน จุดเริ่มแรกในคัมภีร์เป็นการรวบรวมภาพหรือสัญลักษณ์ จำนวน 64 อัน สร้างขึ้นจากความคิดเรื่องหยิน หยาง และใช้เป็นการทำนายเหตุการณ์ต่าง ๆ

     

    สัญลักษณ์แต่ละอันประกอบด้วยเส้นตรงหกเส้น อาจจะเป็นเส้นประ (หยิน) หรือเส้นทึบ (หยัง)ก็ได้ ทั้งหกสิบสี่อันเป็นการผสมผสานระหว่างเส้นตรงในลักษณะดังกล่าวเท่าที่จะเป็นไปได้โดยไม่ซ้ำกัน สัญลักษณ์เหล่านี้ถูกถือเป็นแบบฉบับของเอกภพ แสดงหรือแทนแบบแผนของเต๋าในธรรมชาติและในสภาพการณ์ของมนุษย์แต่ละอันมีชื่อเรียกเฉพาะและมีคำอธิบายเป็นคัมภีร์เล็กๆ เรียกว่าคำทำนาย ซึ่งจะแนะนำสิ่งที่จะต้องกระทำให้เหมาะสมกับสภาพที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกับสัญลักษณ์แต่ละอัน ยังมีคัมภีร์อีกเล่มชื่อ ภาพพจน์ ซึ่งเขียนขึ้นในภายหลัง ได้อธิบายความหมายของสัญลักษณ์แต่ละอันในรูปบทกวีสั้นๆสองสามบรรทัด คัมภีร์อีกฉบับหนึ่งอธิบายความหมายของเส้นตรงแต่ละเส้นของสัญลักษณ์นี้ โดยใช้ภาษาซึ่งเชื่อมโยงกับเทพเจ้าต่าง ๆ ซึ่งมักจะเข้าใจได้ยาก

    คัมภีร์ย่อยทั้งสามเล่มนี้ประกอบกันขึ้นเป็นคัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลงซึ่งใช้เป็นคำทำนาย ผู้มีความสงสัยหรือความทุกข์ เมื่อต้องการทราบสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนก็ต้องทำพิธีและสั่นติ้วซึ่งมีจำนวนห้าสิบอัน เมื่อได้ติ้วอันใดอันหนึ่งก็ไปดูที่สัญลักษณ์ที่ตรงกัน จะมีคำทำนายและแนะนำถึงสิ่งที่ต้องกระทำให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ต่าง ๆ

     ในคัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลง มีภาพพจน์ที่จะเปิดเผย ตอนท้ายมีคำทำนายให้ตีความ โชคและ

    เคราะห์ได้บ่งบอกไว้ให้ตัดสินใจ

     จุดมุ่งหมายในการปรึกษากับคัมภีร์อี้จิงจึงไม่ใช่ที่จะรู้อนาคตเท่านั้นแต่ยังช่วยค้นหาสิ่งที่กำหนดสภาพการณ์ปัจจุบันของตน เพื่อที่จะเลือกกระทำการใดได้อย่างถูกต้อง ทัศนคติอันนี้ได้ยกระดับคัมภีร์อี้จิงขึ้นเหนือหนังสือคาถาเวทมนต์ธรรมดา เป็นคัมภีร์ที่กอปรด้วยปัญญา

                 การเปลี่ยนแปลง

    โดยแท้จริงแล้วประโยชน์ของอิ้จิงในวิถีทางแห่งปัญญานั้นสำคัญมากกว่าประโยชน์ในทางเป็นคำทำนายมากมายนัก มันเป็นแหล่งบันดาลใจของนักคิดจีนตลอดยุคสมัย ดังเช่นเหลาจื้อซึ่งได้แต่งคำสอนที่ลึกซึ้งที่สุดจากบางบทแห่งความเข้าใจในอี้จิง ขงจื้อได้ศึกษาคัมภีร์นี้อย่างจริงจัง และคำอธิบายขยายความของคัมภีร์นี้ซึ่งกลายเป็นคัมภีร์ย่อย ๆ ในระดับต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่มาจากสำนักของขงจื้อ คำอธิบายขยายความเหล่านี้เรียกว่า ปีกทั้งสิบ ได้รวมเอาการตีความโครงสร้างของสัญลักษณ์เหล่านั้นเข้าด้วยกันกับการอธิบายในเชิงปรัชญา

    ที่แกนกลางคำอธิบายขยายความของขงจื้อ เช่นเดียวกับแกนกลางของคัมภีร์อี้จิง ได้เน้นย้ำอยู่ที่ลักษณะการเคลื่อนไหวของปรากฏการณ์ทั้งมวล การเปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของสรรพสิ่ง และสภาพการณ์ทั้งมวลเป็นสิ่งสำคัญซึ่งแสดงไว้ในคัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลง

    การเปลี่ยนแปลงก็คือคัมภีร์

    ซึ่งเราไม่อาจยึดถือย่างโดดเดี่ยว

    เต๋าของมันคือการเปลี่ยนแปลงเสมอ

    กลับกลาย เคลื่อนไหว ไม่รู้หยุด

    เลื่อนไหลผ่านที่ว่าง ทั้งหก

    ลอยและจมโดยปราศจากกฎเกณฑ์ตายตัว

    ความมั่นคงและความอ่อนน้อมเปลี่ยนกลับไปมา

    มันไม่อาจจำกัดได้ด้วยกฎเกณฑ์หนึ่งใด

    คงมีแต่การเปลี่ยนแปลงเท่านั้นที่จะกระทำการอยู่ 


    โพสเมื่อ 2009-09-23 17:59:26          
    ตอบกระทู้
    ชื่อผู้ตอบ:  *
    Descrip/รายละเอียด:
    code: * ป้อนตัวอักษรด้านล่าง
    ประกาศถึงท่านสมาชิก :

    กรุณาเลือกบอร์ดความเห็นที่เหมาะสมต่อข้อความของท่านเพียงบอร์ดเดียว
    กระทู้ที่ซ้ำๆ จะถูกลบออกจากระบบ และสมาชิกผู้โพสต์ อาจถูกระงับการใช้บริการในเว็บบอร์ด

    สิ่งที่ไม่อนุญาตให้โพสต์ใน เว็บบอร์ด ได้แก่ :

    ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม
    ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
    รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร
    สมาชิกที่โพสต์ลิงค์ไปยังเว็บไซต์ที่ผิดกฏหมาย
    สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้

    โปรดอย่าโพสกระทู้โฆษณา ซื้อ-ขาย สินค้าหรือบริการ สมัครงาน เพราะจุดประสงค์ของบอร์ดนี้เปิดไว้เพื่อให้ข่าวสารความรู้แก่ประชาชนเท่านั้น

    ทางโรงเรียน OEC ขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้หรือข้อความ ตามความสมควรโดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แจ้งกระทู้ไม่เหมาะสมได้ที่ [email protected]



       หัวข้อปกติ  หัวข้อน่าสนใจ(มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)  หัวข้อน่าสนใจมาก(มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)  หัวข้อปักหมุด 
    หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ Tel: 02-681-0278-9 Email:[email protected] โดยด่วนค่ะ เพื่อที่จะตามหาและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

    รวมความรู้: ประโยคภาษาจีนพื้นฐาน แนะนำPinyin สำนวนจีนง่ายๆ สุภาษิตจีน บทความ เว็บบอร์ดจีน Travel Guide In Thailand
    บันเทิง: เที่ยวเมืองจีน เนื้อเพลงจีน
    โรงเรียนสอนภาษาพรรัตน์ (OEC SCHOOL)
    ที่อยู่: 599/46 ถ.นนทรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120
    Tel: 086-334-1681 , https://www.facebook.com/oecschool , https://www.tiktok.com/@poppyyang88
    https://www.youtube.com/@POPPYYANG8 E-mail: [email protected]
    Copyright © 2007-2023 oecschool.com